วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 3-04-2012

·        ซีไอเอ็มบีขาย "เดลี่ อินคัม" บริหารยืดหยุ่น
·        แลนด์แอนด์เฮ้าส์ตั้งเป้า "ผู้นำธุรกิจกองทุนอสังหาฯ"
·        บัวหลวงโชว์กองหุ้น Q1ผลตอบแทน 24.69%
·        KKFund ปิด Target Fund กองที่ 2 ของปีนี้ ทะลุเป้า 4 เดือน 7%
·        กรุงไทย-ธนชาต-กรุงศรี ชิงเงินกองบอนด์

ซีไอเอ็มบีคขาย"เดลี่ อินคัม" บริหารยืดหยุ่น

Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

          ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน
          บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล เปิดขาย กอง iDAILY 30 มี.ค.-5 เม.ย. 2555 นี้ ชูกลยุทธ์บริหารที่ยืดหยุ่นหวังเพิ่มผลตอบแทนเหนือกองทุนตราสารตลาดเงินทั่วไป พร้อมแบ่งประเภทหน่วยลงทุนเป็น 3 ประเภท ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน
          นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเสนอขาย กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ อินคัม (iDAILY) ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-5 เม.ย. 2555 นี้ โดยเป็นกองทุนตราสารตลาดเงินที่จะมีการมองหาโอกาสการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ด้วยไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน
          แต่ในเบื้องต้นกรอบการลงทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศประมาณ 25-30% เท่านั้น โดยในส่วนที่ไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศนั้นจะมีการปิดความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ทั้งหมด โดยกองทุน iDAILY นี้ จะแบ่งหน่วยลงทุนเป็นหลายประเภท Multi Share Class คือ 1. iDAILY-A (Accumulation) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากส่วนต่างมูลค่าเงินลงทุน (Capital Gain) 2. iDAILY-R (Auto Redemption) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอผ่านการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้ไม่ต้องเสียภาษี และ 3. iDAILY-D (Dividend) เหมาะกับนักลงทุนที่เป็นบริษัทจำกัดและสถาบันการเงินที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอในรูปเงินปันผล
          กองทุน iDAILY นี้ จะมุ่งหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากกองทุนตราสารตลาดเงินปกติ โดยการเพิ่มโอกาสในการลงทุนไปในตราสารหนี้ต่างประเทศซึ่งอาจมีผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ในประเทศเพียงอย่างเดียว เพราะกลุ่มบริษัทแม่ของบริษัทเองมีการลงทุนในตราสารหนี้ในเอเชียมาเป็นเวลายาวนานมากแล้ว ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงโอกาสในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
          นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า กองทุน iDAILY นี้เป็นกองทุนที่มีความยืดหยุ่นในการบริหารมากกว่ากองทุนตราสารตลาดเงินโดยทั่วไป โดยสามารถจะลงทุนในตราสารหนี้ชั้นดีในต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าในประเทศ หรือการปรับเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ระยะยาวขึ้นเล็กน้อยเพื่อเพิ่มผลตอบแทน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนของกองทุน iDAILY จะสูงกว่ากองทุนตราสารตลาดเงินของบริษัทที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเพียงอย่างเดียวประมาณ 0.30% และคาดว่าผลตอบแทนที่จะได้จากการบริหารกองทุนนี้ในอีก 1-2 เดือน ข้างหน้าจะอยู่ประมาณ 3.0% หรือเทียบเท่ากับผลตอบแทนของเงินฝากก่อนหักภาษีที่ประมาณ 3.53% ซึ่งถือว่าเป็นระดับของผลตอบแทนที่น่าสนใจสำหรับกองทุนที่มีเอาไว้เพื่อบริหารสภาพคล่องเลยทีเดียว นอกจากนี้ ทีมผู้จัดการกองทุนของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างประเทศจากบริษัทแม่และเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาคของกลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลทั้งหมด ที่มีมากกว่า 50 ท่าน อีกด้วย
          สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศคาดว่าคงจะไม่ปรับลงไปอีกแล้ว แต่การจะปรับขึ้นก็คงไม่เร็วนักอาจจะเป็นในช่วงครึ่งหลังของปี หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีมากขึ้น แต่ปัจจุบันถือเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว



บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ตั้งเป้าผู้นำในธุรกิจกองทุนอสังหาฯ

Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th)

          บลจ.แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ ตั้งเป้าเป็นผู้นำกองทุนอสังหาริมทรัพย์พร้อมลุยธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลควบคู่ไปด้วย ขณะที่กองทุนอสังหาฯแลนด์แอนด์เฮ้าส์เข้าตลาดหุ้นวันแรกราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 10.30 บาท
          นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า บลจ.เราเป็น บลจ.ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2554 โดยเริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมาซึ่งกองทุนแรกที่เปิดขายไอพีโอไปคือ กองทุนรวมตลาดเงิน หลังจากนั้นก็มีกองทุน ตราสารหนี้ให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน นอกจากนี้เราก็มีกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่เพิ่งเข้าเทรดในตลาดหุ้นเมื่อช่วงเช้า(2 เมษายน)ที่ผ่านมาอีกด้วย
          ทั้งนี้ บลจ.มีธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์เป็นบริษัทแม่ โดยวัถตุประสงค์สำหรับที่จัดตั้งบลจ.ขึ้นมาเพื่อรองรับฐานลูกค้าบริษัทแม่ซึ่งในปีนี้จะมี พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากเหลือบัญชีละ 1 ล้านบาท ซึ่ง บลจ.ก็จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของลูกค้า นอกจากนี้ เราเป็นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยก็จะมีลูกค้าในส่วนนี้เข้ามาจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์กับ บลจ.เช่นกัน
          "เรามองภาพตัวเอง เป็นผู้นำในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังมีกองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล ที่น่าสนใจนำเสนอให้กับนักลงทุนอีกด้วย ซึ่งเราคงมองจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหรือแนะนำการลงทุนให้กับนักลงทุน" นางจันทนากล่าว
          นางจันทนา กล่าวต่อว่า ในส่วนของฐานลูกค้าของ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนแบบ conservative รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งในส่วนนี้เราจะก็มีการพูดคุยหรือเป็นที่ปรึกษาให้กับนักลงทุนได้เข้าใจถึงวิธีการลงทุนที่ถูกต้อง เช่น การกระจายความเสี่ยง จัดสรรการลงทุนให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เป็นต้นโดยเราจะแนะให้นักลงทุนลงทุนแบบระยะยาว ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมนั้นควรที่จะลงทุนระยะยาว
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการซื้อขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์สิทธิการเช่าแลนด์แอนด์ เฮ้าส์ เป็นวันแรกนั้น ราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 10.30 บาท โดยมีผู้ถือหน่วยรายใหญ่5 อันดับแรกได้แก่ 1. กลุ่มบริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ 2.  ธนาคารออมสิน  3. Government of Singapore Investment Corporation Pte Ltd. 4. กองทุนปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้พลัส ฟันด์ และ5. นายชัชวาล อภิบาลศรี

บลจ.บัวหลวงโชว์กองหุ้น

Source - ข่าวหุ้น (Th)

          Q1ผลตอบแทน24.69%
          บลจ.บัวหลวง ทำผลตอบแทนในกองทุนหุ้นมากสุดในช่วงไตรมาส 1/55 กว่า 24.69% สูงกว่าดัชนีตลาดฯ ที่เพิ่มขึ้น 16.72% ส่วนกองทุน LTF แชมป์ตกเป็นของ บลจ.วรรณ 22.96%
          สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) ได้รายงานตัวเลขการดำเนินงานผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารทุน พบว่า บัวหลวงธนคม ผลตอบแทนสูงสุดกองทุนหุ้น Q1, LTF บลจ.วรรณอันดับหนึ่ง กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม บริหารจัดการโดย บลจ.บัวหลวง ทำผลตอบแทนได้เป็นอันดับ 1 หรือ 24.69% เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้น 16.72% ในส่วนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น ผลการจัดอันดับนั้น กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรท หุ้นระยะยาวของ บลจ.วรรณ มีผลตอบแทนในไตรมาสแรกเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 22.96%
          ขณะที่กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ของ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ตราสารทุนที่มีผลตอบแทนในไตรมาส 1/55 สูงที่สุดที่ 21.26%
          นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม เป็น sector fund ที่เน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจการเงิน และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
          โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการสินเชื่อ หลังเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านไป รวมทั้งยังมีความชัดเจนเรื่องการเก็บเงินนำส่งให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนำไปใช้ชำระคืนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ด้วย
          ส่วนกลุ่มไอซีที ได้แรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการประมูล 3จี และความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องต่างๆ ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
          “การบริหารกองทุนดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเซ็กเตอร์ฟันด์ทำให้หนีจากหุ้นการเงินและไอซีทีไม่ได้ แต่จะใช้การสลับตัวหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจากตัวที่เต็มมูลค่าแล้ว ไปยังหุ้นที่ยังต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม รวมทั้งยังมีการบริหารสัดส่วนเงินสดในพอร์ตเป็นบางช่วงด้วย หากเห็นว่าราคาหุ้นขึ้นมาแรงเกินไป
          นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวว่า หลักในการบริหารกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรท หุ้นระยะยาว ที่มีอัตราผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มกองทุน LTF และกองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 ที่ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับสอง ในกองทุนรวมตราสารทุน คือการเน้นและเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่
          นอกจากการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่แล้ว ทั้งสองกองทุนยังจะเลือกหุ้นขนาดกลางเข้ามาในพอร์ตด้วย ซึ่งจะผ่านการคัดเลือกค่อนข้างละเอียดมาก และถ้าเลือกได้แล้ว จะให้น้ำหนักค่อนข้างมากเช่นกัน อย่างในกลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสาร ที่หลายๆ บริษัทยังคงมีโอกาสในการปรับขึ้นได้อีกพอสมควร
          “แม้ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารขึ้นมามากแล้ว แต่ในแง่ผลตอบแทนจากเงินปันผล ยังคงดีอยู่ และแนวโน้มการเติบโตของรายได้ หลังมี 3 จีจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ราคายังมีโอกาสขึ้นต่อได้นายวิน กล่าว



KKFund ปิด Target Fund กองที่ 2 ของปีนี้ ทะลุเป้า 7% ใช้เวลาเพียง 4 เดือน

Source - เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ (Th)

          ดร. ศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า จากที่ KKFund ทำการเสนอขาย "กองทุนเปิดเคเค ยูเอส ทาร์เก็ต 7% #1” ไม่กำหนดอายุโครงการ ตั้งเป้า 7% เป็นเวลา 7 เดือน โดยเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกา เฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม
          โดยลงทุนในตราสารแห่งทุน หน่วยลงทุนของกองทุนรวม (ETF) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และตราสารหนี้ และมีเงื่อนไขสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทน 7% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.85 บาท ปัจจุบัน NAV ของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 26-28 มีนาคม 2555 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10.8500 บาทต่อหน่วย จึงเข้าเงื่อนไขการเลิกโครงการ ซึ่งหากนับจากวันเปิดเสนอขายกองทุน ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น และยังให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่คาดหวัง ซึ่งเป็นการแสดงความสามารถในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนของ KKFund ได้เป็นอย่างดี
          “ในช่วงที่เปิดขายกองทุน "กองทุนเปิดเคเค ยูเอส ทาร์เก็ต 7% #1” เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีความผันผวน ผู้จัดการกองทุนได้ปรับสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ของตลาดมาโดยตลอด ทั้งนี้ ตลาดมีสัญญาณและภาพรวมมีแนวโน้มที่ดี และมีปัจจัยสนับสนุนด้าน Fundamental ที่ดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ "กองทุนเปิดเคเค ยูเอส ทาร์เก็ต ทาร์เก็ต 7% #1” สามารถปิดได้เร็วกว่ากำหนด
          โดย KKFund มองว่า เศรษฐกิจของโลกปีนี้ฟื้นตัวในระดับที่ค่อนข้างดีอย่างต่อเนื่อง ยูโรโซนและสหรัฐฯ เริ่มมีเสถียรภาพ และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ธนาคารกลางสามารถใส่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น เป็นสัญญาณเชิงบวกของตลาดที่จะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศมหาอำนาจของตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน รัสเซีย บลาซิล จะเติบโตได้เร็วมากกว่าประเทศในยุโรปและอเมริกา
          ต้นเดือนเมษายน 2555 KKFund กำลังออกกองทุน กองทุนเปิดเคเค โกลบอล อีเมอร์จิ้ง ทริกเกอร์ 7%#1 ” โดยตั้งเป้า 7% และจะปิดโครงการให้เร็วที่สุด เพื่อตอกย้ำความสำเร็จในการบริหารกองทุน และเพื่อรองรับความต้องการการลงทุนของนักลงทุนที่เฝ้ารอกองทุนเปิดใหม่ที่มีความเชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของ KKFund สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ KKFund โทร. 02 624 8555 กด 2 หรือ www.kk-fund.com และfacebook.com/KKFund


กรุงไทย-ธนชาต-กรุงศรี ชิงเงินกองบอนด์

Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

          กรุงไทยขายตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ชูยิลด์ 4.05% ด้านธนชาตออกกองทุนคุ้มครองเงินต้น 7 ผลตอบแทนประมาณ 2.85% ส่วนกรุงศรี เปิดกรุงศรีตราสารหนี้ จ่ายผลตอบแทน 3.35%
 นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 25 เสนอขายในวันที่ 2-10 เม.ย. 2555 อายุ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.05% โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดจำหน่ายรอบใหม่ กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 ระหว่างวันที่ 2-5 เม.ย. 2555 อายุโครงการ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี
          อัตราผลตอบแทนของเงินฝากและตราสารการเงินระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ช่วงที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 3.20% ต่อปี แม้ว่าจะมีการเสนอรูปแบบเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในรูปขั้นบันได อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทเอกชนในประเทศเริ่มมีการเสนอขายหุ้นกู้ระยะกลางถึงระยะยาวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีทิศทางค่อนข้างชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไม่ปรับลดลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะกลางและยาวมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต
          นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M14 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.35% ต่อปี
          บลจ.กรุงศรี มองว่า การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ดังกล่าวยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M14 จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
          นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต กล่าวว่า บริษัทจะเสนอขาย กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 7 รอบการลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.85% ต่อปี ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 99.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.10% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.0739% โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน 0.2239% ต่อปี รับคำสั่งซื้อ-ขาย วันที่ 30 มี.ค. 5 เม.ย. 2555
          อัตราดอกเบี้ย ระยะกลาง-ยาวมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น