วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 26-06-2012

·       - กสิกรฯ ยันพอร์ตปึ้กเมินมูดี้ส์หั่นตปท. ลุยขาย 3 กองใหม่ชน "กรุงศรี-ฟินันซ่า-ธนชาต"
·       - บลจ.กิมเอ็งรุกไพรเวทฟันด์-อสังหาฯ เตรียมออกกองทุนหุ้นปลายไตรมาสที่ 3
·       - คอลัมน์ : รู้จัก Brent ก่อนลงทุนน้ำมัน

กสิกรฯ ยันพอร์ตปึ้กเมินมูดี้ส์หั่นตปท. ลุยขาย 3 กองใหม่ชน "กรุงศรี-ฟินันซ่า-ธนชาต"
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)

          บลจ.กสิกรเผยมูดี้ส์หั่นเครดิตแบงก์ใหญ่ระดับโลกไม่สะเทือนพอร์ตกองทุน ลุยขาย 3 กองใหม่ชน "กรุงศรี-ฟินันซ่าธนชาต"
          นายประเสริฐ ขนบธรรมชัยรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย เปิดเผยว่า มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน 15 แห่งชั้นนำของโลก จะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ของบริษัทที่ได้เสนอขายไปแล้ว รวมถึงกองทุนใหม่ที่จะเสนอขายตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.-2 ก.ค.นี้ จำนวน 3 กองทุน ประมาณการผลตอบแทน 2.70-3.20% ต่อปี
          นายประเสริฐ กล่าวว่า การปรับลดเครดิตดังกล่าวไม่ได้กระทบตลาดมากนัก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ไว้แล้วและยังไม่กระทบกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนด อายุโครงการของบริษัทที่ลงทุนในตราสารของสถาบันการเงินที่ถูกลดเครดิต เนื่องจากการลดเครดิตเพราะคาดว่าสถาบันการเงินที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับ ตลาดทุนค่อนข้างมากอาจได้รับผลกระทบจากตลาดตราสารหนี้ยุโรปและสินเชื่อ อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ แต่ธนาคารเหล่านี้ได้ปรับธุรกิจรับมือความผันผวนที่เกิดขึ้นและยังไม่มีการ ผิดนัดชำระหนี้ จึงไม่กระทบอัตราผลตอบแทน
          สำหรับกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย ที่ลงทุนในตราสารของสถาบันที่ถูกลดเครดิต ได้แก่บาร์เคลย์ส แบงก์, แบงก์ ออฟอเมริกา, ยูบีเอส, เครดิตสวิส, บีเอ็นพี พาริบาส์, ซิตี้แบงก์ และเอชเอสบีซี แบงก์นั้น อยู่ในพอร์ตลงทุนของกองทุนเปิดเคตราสารหนี้ต่างประเทศ 7 ปี เอ, กองทุนเปิดเค สมาร์ท เอฟทีดี 3 ปี เอ, กองทุนเปิดเค สมาร์ท ตราสารต่างประเทศ1 ปี เอ, กองทุนเปิดเค สมาร์ท ซีแอลเอ็น 1 ปี เอ และกองทุนเปิดเค โกลด์ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น1 ปี เอ ซึ่งสถาบันการเงินเหล่านี้ยังมีความสามารถชำระหนี้สูง การเงินแข็งแกร่ง และมีกองทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
          สำหรับ 3 กองทุนใหม่ที่เปิดขายประกอบด้วย กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เอคิว ผลตอบแทน 2.70%ต่อปี ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
          กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีซี ผลตอบแทนประมาณ3.00% ต่อปี ลงทุนในตราสารหนี้Banco BTG Pactual S.A. ประเทศบราซิล ตราสารหนี้ Bank of East Asia และเงินฝาก Standard Chartered ประเทศฮ่องกง เงินฝากCommercial Bank of Qatar ประเทศกาตาร์และพันธบัตรรัฐบาลไทย ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ยู ผลตอบแทน 3.20% ต่อปี
          ด้าน บลจ.กรุงศรี เปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M25 ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.-2 ก.ค.นี้ ลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ อายุ 6 เดือน ผลตอบแทน 3.15% ต่อปี
          บลจ.ธนชาต เปิดรับคำสั่งซื้อและขายกองทุนธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 ตั้งแต่วันที่ 22-29 มิ.ย. 2555 ระยะเวลาลงทุน 3 เดือนผลตอบแทน 2.80% ต่อปีและ บลจ.ฟินันซ่า ขายกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3 เดือน 2 ถึงวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ผลตอบแทน 3.2%ต่อปี สำหรับลงทุน 3 เดือน


กิมเอ็งรุกไพรเวทฟันด์-อสังหาฯเตรียมออกกองทุนหุ้นปลายไตรมาสที่ 3

Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

          บลจ.กิมเอ็งปรับแผนขยับรุกกองทุน ส่วนบุคคล-กองอสังหาริมทรัพย์ ปั้นเอยูเอ็มโตแตะ 1 หมื่นล้านบาท เชื่อบรรลุตามเป้าแต่อาจล่าช้าไปบ้าง หลังแผนกองทุนรวมต้องทำความเข้าใจกับเมย์แบงก์ให้เข้าใจธุรกิจในไทยก่อน มั่นใจไม่มีปัญหา เปิดกลยุทธ์ช่วยปรับพอร์ตลูกค้าติดหุ้นเพิ่มเติม เตรียมออกกองทุนหุ้นปลายไตรมาสที่ 3
          นายไววิทย์ อุทัยเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทต้องปรับแผนงานจากเดิมโดยมุ่งการเติบโตไปในส่วนของธุรกิจกอง ทุนส่วนบุคคลและกองทุนสาธารณูปโภคตลอดจนกองทุนอสังหาริมทรัพย์แทน การบุกธุรกิจกองทุนรวมที่ตั้งใจไว้เดิม เพราะจะต้องมีการคุยกับกลุ่มธนาคารเมย์แบงก์ที่มาเลเซียให้เข้าใจถึงการทำ ธุรกิจกองทุนในประเทศไทย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อน ซึ่งในช่วงต้นก็อาจจะมีความล่าช้าจากแผนเดิมไปบ้าง  อย่าง ไรก็ตามเมื่อทางเมย์แบงก์เข้าใจถึงรูปแบบการทำธุรกิจกองทุนรวมในไทยและมอง เห็นโอกาสบริษัทก็คงพร้อมจะเดินหน้าในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมได้เร็วยิ่ง ขึ้น เดิมบริษัทมีแผนจะออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มเติมแต่กรอบการลงทุนของทาง เมย์แบงก์เองให้ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตเรทติ้งขั้นต่ำ A- ซึ่งถ้าออกกองทุนมาอัตราผลตอบแทนของกองทุนบริษัทก็จะน้อย กว่าคู่แข่งแล้วแข่งขันไม่ได้ ก็กำลังเข้าไปพูดคุยกับทางเมย์แบงก์เพื่อให้เข้าใจถึงธุรกิจกองทุนของไทย เพื่อให้เขามีความเข้าใจมากขึ้น อย่างกองทุนตราสารหนี้ในไทยลงทุนขั้นต่ำที่เครดิตเรทติ้ง BBB+ ตรงนี้คิดว่าในอีกประมาณ 2 เดือนก็น่าจะลงตัว  เมื่อ แผนการรุกในส่วนของกองทุนรวมมีความล่าช้าออกไป บริษัทก็ต้องปรับแผนเพื่อไม่ให้กระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทในภาพรวม จึงขยับมารุกธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น ซึ่งบริษัทเพิ่มได้รับใบอนุญาตมาเมื่อกลางเดือน มิ.ย. 2555 นี้เอง ปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 50 ล้านบาท โดยได้ปรับเป้าในส่วนนี้ขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้เพียง 500 ล้านบาท เท่านั้นในปีนี้
          แผนการดำเนินงานของบริษัทอาจจะล่าช้าไปจากเดิมที่เคยตั้งไว้ออกไปประมาณ 6 เดือน โดยประมาณ แต่ภาพรวมของเป้าหมายยังมั่นใจว่าจะบรรลุได้ตามเป้าเพียงแต่อาจจะล่าช้าไป บ้างเท่านั้นเอง ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์บริษัทก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท รวมถึงกองทุนรวมสาธารณูปโภคที่เซ็นสัญญาไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอยู่ระหว่างยื่นซองประมูลอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นโครงการพลังงานทดแทน
          บริษัทยังเตรียมจะตั้งกองทุนหุ้นซึ่งคงรอจังหวะให้พ้นช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 2555 ไปก่อน โดยในเบื้องต้นทางเมย์แบงก์และ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จะใส่เงินเข้ามาให้กองทุนบริหารประมาณ 200 ล้านบาท บริษัทก็ตั้งใจจะสร้างผลการดำเนินงานที่ดีให้ได้ในช่วง 3 เดือน เพื่อจะทำการตลาดดึงลูกค้ารายย่อยเข้ามาลงทุนต่อไปได้ในอนาคตเพราะตลาดใน ช่วงนี้คงยังจะแกว่งตัวออกข้างต่อไปเป็นปกติของตลาดหุ้นไทย ก่อนที่จะไปปรับตัวขึ้นจริงจังอีกครั้งหลังเดือน ก.ย.-ต.ค.ไปแล้ว ในช่วงนั้นก็จะเป็นจังหวะที่ดี เพราะบริษัทยังมองว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้เป้า 1,200-1,300 จุด ยังเป็นไปได้  ส่วนความเสี่ยงในขาลงหากไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ระดับ 1,100 จุด ก็น่าจะรับไหว แต่หากปัญหาในยุโรปลุกลามและปัญหาการเมืองไทยก็ปะทุอาจจะทำให้ดัชนีปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,000 จุด ได้เช่นกัน ขึ้นกับสถานการณ์มากกว่า


คอลัมน์ : รู้จัก Brent ก่อนลงทุนน้ำมัน

Source - การเงินธนาคาร (Th)

          นักลงทุนหลายท่านอาจจะเคยมีโอกาสลงทุนในสินค้า โภคภัณฑ์กันมาบ้าง เช่น ทองคำหรือกองทุนทองคำ แต่ยังมีสินค้าโภคภัณฑ์อีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าทองคำเลย นั่นคือ น้ำมัน
          น้ำมันดิบ (Crude Oil) นั้นมีความแตกต่างกัน โดยความแตกต่างนั้นเกิดจากค่า API หรือ ค่าความหนาแน่นเฉพาะ และปริมาณซัลเฟอร์ (Sulfur) น้ำมันดิบที่ถือว่าเป็นน้ำมันดิบคุณภาพดีนั้นต้องมีปริมาณ API สูง อย่างเช่น โดยทั่วไปน้ำมันดิบ Light Crude Oil มักจะมีค่า API มากกว่า 31.1 ดีกรี ในส่วนของซัลเฟอร์นั้นหมายถึงปริมาณของเสียหรือสิ่งปนเปื้อนที่ต้องเอา ออกไประหว่างกระบวนการกลั่น ดังนั้น น้ำมันคุณภาพดีจะมีปริมาณซัลเฟอร์ต่ำ ซึ่งในต่างประเทศเราจะเรียกน้ำมันดิบที่มีค่าซัลเฟอร์ต่ำกว่า 0.5% ว่า Sweet Crude Oil
          นอกจากความรู้พื้นฐานของน้ำมันดิบแล้ว สิ่งที่นักลงทุนควรจะต้องพิจารณาก็คือตลาดน้ำมันดิบที่สำคัญของโลกนั้นมีอยู่ 3 แหล่งด้วยกัน คือ ตลาดน้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude) ตลาดน้ำมันดิบดูไบ (Dubai Crude) และตลาดน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude)
          สำหรับราคาน้ำมันดิบของตลาด NYMEX ที่นักลงทุนอาจจะคุ้นเคยจากสื่อสั้นเป็นราคาจากตลาดน้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude) นั้นสะท้อนอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันในตลาดโลกมากกว่าตลาดน้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI Crude) ซึ่งมีความสัมพันธ์สูงกับอุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำมันในสหรัฐฯ มากกว่า
          ในแง่ของการลงทุนนั้น โดยส่วนใหญ่กองทุนน้ำมันในประเทศไทยเป็นกองทุนต่างประเทศที่ไปลงทุนในกองทุน DB Oil Power Shares ซึ่งกองทุนดังกล่าวนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่มักพบกับปัญหาของ Contango
          โจทย์ต่อไปของนักลงทุนก็คือ Contango คืออะไร ทำไมการลงทุนในน้ำมันจึงต้องพบกับปัญหา Contango คำตอบคือ Contango นั้น เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่กองทุนต้องเข้าไปปิดสถานะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตัวที่กำลังจะหมดอายุและทำการเปิดสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของเดือนต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนถัดไปนั้นมีราคาที่ห่างจากสัญญาซื้อขายล่วง หน้าที่ปิดไปค่อนข้างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเราเรียกว่า Negative Roll Yield ซึ่งหมายถึงการที่กองทุนต้องซื้อสัญญาตัวต่อไปที่มีราคาสูงกว่าสัญญาตัวที่กำลังจะหมดอายุลง
          จากที่ได้กล่าวมานั้น จะเห็นได้ว่า ถ้าราคาของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในแต่ละรอบมีความห่างกัน โดยสัญญาตัวที่ไกลกว่ามีราคาสูงกว่าสัญญาตัวใกล้มากเท่าไหร่ Negative Roll Yield ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นและ Negative Roll Yield นี่เองที่ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนน้อยกว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป
          เพื่อความเข้าใจ ขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้ สมมุติว่า ในเดือนที่ 1 ราคาฟิวเจอร์ของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบที่จะหมดอายุตอนสิ้นเดือน 1 เท่ากับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาสัญญาเดือนถัดไปเท่ากับ 104 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อถึงสิ้นเดือน ราคาของสัญญาเดือนที่ 1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 102 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และสัญญาเดือนที่ 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันเป็น 106 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ราคาของสัญญาเดือน 2 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 107 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
          จากตัวอย่างข้างต้น เราจะมาพิจารณากันว่าผลตอบแทนของนักลงทุนจะเป็นเท่าไหร่ เมื่อถึงสิ้นเดือนซึ่งเป็นวันครบกำหนดอายุของสัญญาเดือนที่ 1 สิ่งที่เกิดขึ้น คือ นักลงทุนต้องปิดสัญญาของเดือนที่ 1 และเปิดสัญญาของเดือนที่ 2 ซึ่งคือ นักลงทุนต้องปิดสถานะของสัญญา ณ ราคา 102 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และเปิดสถานะใหม่ของเดือนที่ 2 ที่ราคา 106 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้น เราจึงสรุปกำไรของนักลงทุนว่าประกอบไปด้วย 2 ช่วงด้วยกันโดยช่วงแรกกำไรของนักลงทุนมาจาก (102-100)/100 = 2.00% กำไรช่วงที่สองมาจาก (107-106)/106 = 0.94% ดังนั้น ผลตอบแทนของนักลงทุนจึงเท่ากับ 2%+0.94%=2.94% แต่ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราลองเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันที่เราเห็น เราจะพบว่ามีความแตกต่างกัน โดยผลตอบแทนนั้นจะถูกคิดจากราคาของสัญญาในเดือนที่ 2 เทียบกับสัญญาเดือนแรกซึ่งเท่ากับ (107-100)/100=7.00%
          จะเห็นได้ว่า ส่วนต่างของราคาระหว่างเดือนแรกกับเดือนถัดไปนั้นมีความสำคัญมาก เพราะถ้าระยะยิ่งห่างมาก ก็ยิ่งเกิด Negative Roll Yield มาก และส่งผลให้ผลตอบแทนของนักลงทุนไม่สะท้อนราคาน้ำมันจริงๆ
          โจทย์ของการลงทุนในน้ำมันนั้นจึงไม่ใช่แค่การหาจังหวะเวลาของการลงทุนเท่านั้น (Market Timing) แต่นักลงทุนต้องหากองทุนน้ำมันที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าปัญหาของการเกิด Contango จะเกิดน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงราคาระหว่างสัญญาตัวแรกและตัวถัดไปต้องอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
          ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) ออกกองทุนเปิด วรรณ ออยล์ ดิวิเดน ฟันด์ (ONE OIL DIVIDEND FUND : ONE-OIL) ซึ่งเป็นกองทุนน้ำมันที่ลงทุนใน Brent Oil Futures ของตลาด TFEX กองทุนแรกของประเทศไทย จากการทดสอบย้อนหลังพบว่าราคาของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบในตลาด TFEX นั้นมีราคาที่แตกต่างกันน้อยมาก จึงเชื่อว่าปัญหา Contango ของกองทุน ONE-OIL จะมีน้อยกว่ากองทุนน้ำมันอื่นๆ ในประเทศไทย สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บลจ.วรรณ จำกัด

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 12-06-2012

·        ศก.สเปนฉุดวิกฤตหนี้ยุโรปยืดเยื้อ กสิกรแนะล็อกผลตอบแทนลงทุน 4 กองบอนด์
·        ไอเอ็นจีมองหุ้นครึ่งหลังผันผวน แนะลงกองผสม
·        กรุงศรีเสนอขายกองทุนเปิด'กรุงศรีตราสารหนี้ 6M23
·        แอสเซทพลัสโรลโอเวอร์กองบอนด์-รีเทิร์น 3.20%


ศก.สเปนฉุดวิกฤตหนี้ยุโรปยืดเยื้อ กสิกรแนะล็อกผลตอบแทนลงทุน

Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)

          บลจ.กสิกรไทยมองเศรษฐกิจสเปนพ่นพิษซ้ำวิกฤตหนี้ยุโรปทำตลาดผันผวนต่อ แนะล็อกผลตอบแทนกับ 4 กองทุนตราสารหนี้ใหม่
          น.ส.ยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย เปิดเผยว่า วิกฤตหนี้ยุโรปยังกดดันการลงทุนทั่วโลกที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ แม้กลุ่มสหภาพยุโรปจะมีมติเร่งด่วนให้อนุมัติเงินช่วยเหลือภาคธนาคารในสเปน กว่า 1 แสนล้านยูโร หรือประมาณ3.75 ล้าน ล้านบาท เป็นสัญญาณบวกต่อตลาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอัตราการว่างงานสูงในสเปนยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ ต้องจับตา
          "ล่าสุดฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสเปนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของยูโรโซนลง 3 ระดับจาก A มาอยู่ที่ BBB และยังคงแนวโน้มในเชิงลบ จากสัปดาห์ก่อนที่มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ใน กรีซลงต่ำกว่าระดับที่จะออกตราสารหนี้ขายให้นักลงทุนแล้ว รวมถึงความเสี่ยงที่กรีซจะหลุดออกจากกลุ่มยูโร" น.ส.ยุพาวดี กล่าว
          อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการเหมาะกับผู้ ที่ต้องการล็อกผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดยังผันผวนสูง รวมทั้งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ระดับ 3% ถึงสิ้นปีนี้
          น.ส.ยุพาวดี กล่าวว่า บริษัทเสนอขายกองทุนใหม่ 4 กองทุนโดยในวันที่ 12-18 มิ.ย.2555 ขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้นตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เอโอลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย ผลตอบแทน 2.7% ต่อปี
          กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีเอ ผลตอบแทน 3% ต่อปีลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย ตั๋วแลกเงินบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ตราสารหนี้ของธนาคารBanco BTG Pactual S.A.ประเทศบราซิล ตั๋วสัญญาใช้เงินUnited Parcel Service, Inc. สหรัฐอเมริกา เงินฝาก Commercial Bank of Qatar ประเทศกาตาร์และเงินฝาก PT Bank CIMB Niago Tbk ประเทศอินโดนีเซีย
          สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอเอช ผลตอบแทน 3.5% ต่อปี ลงทุนในตราสารหนี้ธนาคาร Banco Itau BBA S.A., Banco Bradesco และBanco do Brasil ประเทศบราซิลเงินฝาก PT Bank CIMB Niaga Tbk ประเทศอินโดนีเซีย และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar และวันที่ 13-18 มิ.ย. ขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอส ผลตอบแทน 3.25% ต่อปีซึ่งทุกกองป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน


ไอเอ็นจีมองหุ้นครึ่งหลังผันผวน แนะลงกองผสม
Source - ข่าวหุ้น (Th)

          ไอเอ็นจีฯ มองตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนได้ดี จากการคาดการณ์เติบโตของกำไรสุทธิ บจ.” 27% ในปีนี้ และระดับราคาหุ้นเหมาะสมเมื่อเทียบกับภูมิภาค แต่ยังคงมีภาพความผันผวนจากปัจจัยนอกประเทศ
          นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ฝ่ายจัดการลงทุน  บลจ.ไอ เอ็นจี (ประเทศไทย) คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในครึ่งหลังปีนี้จะยังมีความผันผวนสูง จากปัจจัยบวกและลบในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐ ยุโรป และจีน ที่คาดว่าจะสลับกันเข้ามากระทบตลาด
          "เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง จะผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสำคัญๆ ในโลก แต่ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจะมีความคาดหวังต่อนโยบายต่างๆ ที่จะมีการออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ"
          ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่น่าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ของนักวิเคราะห์จะมีอัตราเติบโตของกำไร 27% ในปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งการขยายตัวของรายได้ภาคประชาชน การอุดหนุนของภาครัฐ และผลจากการลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23%
          ขณะที่เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลัง นักลงทุนจะมองไปถึงการคาดการณ์ผลประกอบการปี 2556 ที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะเติบโตต่อเนื่องอีกประมาณ 14.6%
          นอกจากนี้ ไอเอ็นจีฯ มองว่า จะยังไม่มีความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่อง จากการไหลกลับของธนาคารกลางต่างๆ เพราะว่าเศรษฐกิจโลกจะยังเติบโตได้อย่างเชื่องช้าดังนั้น ผลประกอบการของบริษัทจะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา ลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้
          อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนบางกลุ่ม เช่น กลุ่มพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์หรือกลุ่มส่งออก ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยงภายในที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งเริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง
          จากมุมมองดังกล่าว นายมนรัฐ กล่าวว่า การลงทุนในครึ่งหลังปีนี้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนในกองทุนที่มีความยืดหยุ่นในการลงทุน ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการลงทุนในแต่ละขณะ
          "เรามองว่าการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยังคงมีความผันผวนเป็นระยะ ดังนั้นการเลือกการลงทุนที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ จะทำให้ลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ดี ในภาวะที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย และสามารถสร้างโอกาสผลตอบแทนที่ดี ในภาวะที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น" นายมนรัฐ กล่าว



บลจ.กรุงศรีเสนอขายกองทุนเปิด'กรุงศรีตราสารหนี้6 M23'
Source - พิมพ์ไทย (Th)

          นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด  (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า "ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M23 (KFFIX6M23)อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย สัดส่วนการลงทุน 8 %  ตั๋วแลกเงินออกโดย บ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จก. (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 24 %  ตั๋วแลกเงินออกโดยธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)สัดส่วนการลงทุน 20 %   เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 24 %  และตราสารหนี้EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Bradesco SA.  สัดส่วนการลงทุน24%  โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.15 % ต่อปี  และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน  เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป"
          "กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M23 (KFFIX6M23) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุน ที่มีความเสี่ยงต่ำท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งต้องการล็อคผล ตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน" นายฉัตรพีกล่าว


แอสเซทพลัสโรลโอเวอร์กองบอนด์-รีเทิร์น3.20%

Source - ข่าวหุ้น (Th)

          บลจ.แอสเซท พลัส เปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 1 (ASP-ACFIXED1) ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ไทย อายุประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี เปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ 13 มิถุนายน 2555 นี้
          นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กล่าวว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ จะ Rollover กอง ทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ไทย อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.20% ต่อปี
          ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในตราสารที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี ปัจจัยหลักยังคงมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับกลุ่มประเทศยุโรปทั้งความไม่แน่ นอนทางการเมืองในกรีซและความกังวลในภาคสถาบันการเงินของสเปน
          อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังคงมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทย โดยกลับมาเป็นซื้อสุทธิทั้งตราสารระยะสั้นและตราสารระยะยาว ทั้งนี้ คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบภายนอก และความกังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันอยู่ที่ 3% โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. อยู่ที่ระดับ 2.53% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 1.95%
          นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวว่า การลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทยังคงแนะนำให้ลงทุนระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อรอดูความชัดเจนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และลดความเสี่ยงในการลงทุนจากปัญหาสถานการณ์ด้านการเมืองและการเงินในต่างประเทศ