วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 11-04-2012

·         ทิสโก้ ส่ง 'โกลด์ ลิ้งค์' สตรัคเจอร์ฟันด์ลงสนาม ชูจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น
·         วรรณมองหุ้นไทยน่าสนสุดในอาเซียน ราคาถูก-กำไรดี-ปันผลสูง
·         ไอเอ็นจีคาดหุ้นไทยปรับฐานในเดือนนี้
·         แอสเซท พลัส เตรียมออกกองทุน "แอสเซท พลัส สตาร์ 2"

ทิสโก้ส่ง'โกลด์ ลิ้งค์'สตรัคเจอร์ฟันด์ลงสนาม
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

          ชูจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น รับผลตอบแทนที่ดีหากราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้น
          บลจ.ทิสโก้ส่ง กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์รีเทิร์น กองสตรัคเจอร์ฟันด์อิงราคาทองคำ ชูจุดเด่นคุ้มครองเงินต้นพร้อมเปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีหากราคาทองคำปรับ ตัวเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์คนชอบเสี่ยงต่ำและต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากไอพีโอครั้งเดียว 10 - 23 เม.ย. 55
          นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ จะเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์รีเทิร์น อายุ 1 ปี ซึ่งเป็นกองทุนรวมพิเศษที่มีการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากประมาณ 97% และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3% จะลงทุนในสัญญาออปชั่นที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ London Gold PM Fixing
          โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าราคาทองคำทุกสิ้นเดือนสูงกว่าราคาตั้งต้นที่กองทุนลงทุน ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนสะสมเดือนละ 0.5% ต่อปี ดังนั้นถ้าราคาทองคำทุกสิ้นเดือนสูงกว่าราคาทองคำ ณ วันแรกที่กองทุนลงทุนผลตอบแทนสูงสุดในหนึ่งปีที่กองทุนหรือผู้ลงทุนมีโอกาส ได้คือ 6% ต่อปี แต่ถ้าในเดือนใดราคาทอง ณ สิ้นเดือนเท่ากับหรือต่ำกว่าราคาทอง ณ วันที่กองทุนลงทุนครั้งแรกในเดือนนั้นผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนเท่ากับ 0% แต่จะไม่กินเงินต้น ดังนั้นในกรณีเลวร้ายสุด เช่นราคาทองคำไม่ขึ้นเลยผู้ลงทุนก็ได้เงินต้นคืน
          กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเสี่ยงจาก การลงทุนที่ต่ำ นั่นคือต้องการความปลอดภัยของเงินต้น ขณะเดียวกันก็ต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ด้วยสินทรัพย์อื่นที่ผูกไว้ ซึ่งคือออปชั่นอิงราคาทองคำ
          ด้าน TISCO Wealth ซึ่ง เป็นบริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า เป็นจังหวะดีในการลงทุน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำปรับฐานลงแรง และน่าจะยังเป็นขาขึ้น ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่มีมุมมองที่เป็นบวกกับการลงทุนในทองคำ คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 6% ต่อปี โดยไม่มีความเสี่ยงเรื่องเงินต้นกองทุนนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบ ทั้งนี้ จะเปิดเสนอขายครั้งเดียว 10 - 23 เม.ย. 2555 นี้ จองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท
          นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เปิดกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2554 กองทุนสามารถ สร้างผลการดำเนินงานได้อย่างน่าพอใจ โดยกองทุนสามารถจ่ายคืนผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน ด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ลงทุนจำนวน 2 ครั้ง รวม 1 บาท ต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 10% ของเงินลงทุนเริ่มแรก ภายในระยะเวลาประมาณ 11 เดือน ชนะดัชนีชี้วัด MSCI All Country World ถึง 16%
          จากประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุนในการบริหารกองทุน ASP-STARS และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐ ที่ส่งสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ 2 ในช่วงครึ่งหลังของเดือน เม.ย.นี้



'วรรณ'มองหุ้นไทยน่าสนสุดในอาเซียน
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)

          บลจ.วรรณมองหุ้นไทยน่าสนใจที่สุดในตลาดอาเซียน ราคาถูก-กำไรโตดี-ปันผลสูง มองกรอบดัชนีปีนี้ 1,080-1,290 จุด ดับฝันตลาดหุ้นไทยทำสถิติสูงสุดใหม่ เชื่อรอบเศรษฐกิจขาขึ้นครั้งนี้ไปได้แค่ 1,450-1,480 จุด ส่วนทองคำต้องทำใจหลังมองต่างเชื่อปีนี้ไม่หวือหวาให้กรอบ 1,500-1,780 ดอลล์ เท่านั้น
          ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ในปี 2555 นี้ ในภาพรวมสินทรัพย์ที่ยังน่าลงทุนเรียงตามลำดับ ได้แก่ 1) ตราสารหนี้เอเชีย 2) หุ้นเอเชีย 3) หุ้นสหรัฐ 4) น้ำมัน 5) ตราสารหนี้โลก และ 6) ทองคำ ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเองบริษัทมองเป้าหมายในปีนี้ไว้ที่ 1,290 จุด
          โดยคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะโตประมาณ 17% คิดที่สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 12.5 เท่า และมองจุดต่ำสุดของปีไว้ที่ 1,080 จุด ซึ่งหากเทียบกับตลาดในกลุ่มประชาคมอาเซียนด้วยกัน คือสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ละฟิลิปปินส์ แล้ว สัดส่วน P/E จะอยู่ที่ 14.5, 14.0, 15.0 และ 17.0 เท่า ตามลำดับ ซึ่งในแง่ของราคาหุ้นตลาดหุ้นไทยยังถือว่าถูกกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคเดียวกัน
          อย่างไรก็ตามในรอบเศรษฐกิจขาขึ้นครั้งนี้ของไทย มองว่าตลาดหุ้นไทยจะไปได้ไกลสุดประมาณ 1,450-1,480 จุดเท่านั้น ในช่วงปลายปี 2013 เพราะมองว่าเศรษฐกิจขาขึ้นในรอบนี้จะไปสูงสุดที่ประมาณปี 2014 ดังนั้นหากตลาดหุ้นไทยจะกลับไปที่ระดับสูงสุดเดิมที่ประมาณ 1,700 จุด คงต้องรอในรอบเศรษฐกิจขาขึ้นในรอบหน้า ไม่น่าจะเป็นรอบนี้แต่ประการใด
          โดย กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล (1VAL-D) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนหลักของกองทุนหุ้นของบริษัท ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น 12 ตัว กระจายไปในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นเลือกหุ้นคุณภาพดีและจ่ายปันผลสูงในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไม่เกิน 2 บริษัท จะเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านี้ได้
          ดร.วิน กล่าวเสริมว่า ในส่วนของสินค้าโภคภัณฑ์เองในปีนี้ที่โดดเด่นจะเป็นน้ำมัน ตามมาด้วยโลหะอุตสาหกรรม ทองคำ ในขณะที่สินค้าเกษตรกลับดูยังไม่น่าสนใจเท่าไรนัก ในส่วนของทองคำเองในปีนี้ถือว่าไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก บริษัทมองเป้าหมายราคาไว้เพียง 1,750-1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่แนวรับล่างอยู่ประมาณ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
          เหตุผลสำคัญ คือ ดีมานด์จากการลงทุนในทองคำที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของดีมานด์ในทองคำในปัจจุบันหายไปค่อนข้างมาก เพราะในดีมานด์การลงทุนประมาณ 60% เป็นการลงทุนในระยะสั้น ซึ่งมุมมองทางเทคนิคของการลงทุนในทองคำเมื่อยังเป็นภาพขาลง นักลงทุนกลุ่มนี้ก็ยังไม่เข้ามาลงทุน นี่จึงทำให้ภาพการลงทุนในทองคำปีนี้ไม่ค่อยโดดเด่นนัก


บลจ.ไอเอ็นจีคาดหุ้นไทยปรับฐานในเดือนนี้
Source - พิมพ์ไทย (Th)

          นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศ ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเศรษฐกิจ โลกที่เริ่มกลับมาดูดีขึ้น ทั้งจากตัวเลขการจ้างงานและการบริโภค รวมทั้งดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐ อยู่ในช่วงการฟื้นตัวอย่างเป็นลำดับ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการหดตัวของภาคการผลิตในยูโรโซน จึงทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากนับจากต้นปี 2555 นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 85,449 ล้านบาท (5 เม.ย. 2555)และตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.95
          อย่างไรก็ตาม มองว่าในเดือนเมษายนนี้อาจเห็นการปรับฐานหรือการขายทำกำไรระยะสั้นออกมาบ้าง หากพิจารณาจากอัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นและกำไรต่อหุ้น (P/E) ของไทยที่อยู่ที่ระดับ 11.9 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชีย ex-Japan ที่อยู่ที่ระดับ11.7 รวมทั้งการที่ เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นความกังวลได้ว่ามีโอกาสที่นักลงทุนอาจขายทำกำไรบางส่วนออกไปบ้าง ส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นไทยเป็นระยะ
          แต่หากมองภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยยังมีความน่า สนใจในการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของไทยที่จะมาจากการเติบโตการ บริโภคของภาคประชาชนภายในประเทศและการลงทุนของภาคเอกชนเป็นหลัก รวมถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาย หลังภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ไทยในปี 2555 จาก ร้อยละ 4.9 เป็น ร้อยละ 5.7 จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ ดังนั้นการลงทุนในช่วงเวลานี้นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นมี การปรับฐาน โดยมองหาหุ้นที่มีพื้นฐานดีหลายบริษัทที่มีราคาถูกและถือลงทุนในระยะยาว


แอสเซท พลัส เตรียมออกกองทุนแอสเซท พลัสสตาร์2
Source - กระแสหุ้นออนไลน์ (Th)

          นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า บลจ.แอสเซท พลัส เตรียมออกกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ 2 ในช่วงครึ่งหลังของเดือนเม.ย.นี้ เป็นกองทุนรวมผสมที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกและให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นได้เอง โดยไม่ต้องคำนึงถึงการให้น้ำหนักการลงทุนตามดัชนีชี้วัดและยังมีการบริหาร กองทุนแบบเชิงรุก โดยกองทุนดังกล่าวกำหนดอายุการลงทุน 18 เดือน แต่จะทยอยขายทำกำไร ด้วยวิธีรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) ปรับขึ้นทุก 5% จากราคาพาร์ที่ 10 บาท
        สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐที่ส่งสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม ในการเปิดขายกองทุนดังกล่าว ในช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนนี้
 ในส่วนของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ กองแรกซึ่งจัดตั้งไปเมื่อปลายเดือนเม.ย.ปีก่อน มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ โดยกองทุน จ่ายคืนผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 1 บาท ต่อหน่วยลงทุน คิดเป็น ผลตอบแทนประมาณ 10% ของเงินลงทุนเริ่มแรก ภายในเวลาประมาณ 11 เดือน ผลตอบแทนของกองทุน ชนะดัชนีชี้วัด MSCI All Country World ถึง 16% โดยนับตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.54 ถึงวันที่ 2 เม.ย.55 ผลตอบแทนของดัชนีชี้วัด ติดลบไปประมาณ 6%
        ปัจจุบัน กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัท ขนาดใหญ่ ประมาณ 20 บริษัท ที่เป็นผู้นำธุรกิจและเป็นที่รู้จักทั่วโลก มีการเติบโตของ ธุรกิจในระดับสูง และมีราคาที่น่าลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน เช่น หลักทรัพย์ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น