วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 23-02-2012

·        คลังเล็งเพิ่มคุ้มครองเงินฝาก20ล. 11ส.ค.55
·        เดือนม.ค. อุตฯกองทุนรวมอืดโต 1.24 %
·        ฟินันซ่าขยายฐานลูกค้า ปิดจุดด้อยสาขาน้อย เปิด "Skype" ซื้อขายกองทุน
·        ทิสโก้ขายกองบอนด์6เดือน ชิงดอกเบี้ยเงินฝากขยับลง
                                                             

เดือนม.ค.อุตฯกองทุนรวมอืดโต 1.24 %
Source - เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ (Th)

          เดือนมกราคม อุตสาหกรรมกองทุนรวมโตแค่ 1.24 % บลจ. กสิกรไทยฯ ฟุ้งแซงตลาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารพุ่งกว่า 9,000 ล้านบาท เหตุเงินไหลบ่าเข้ากองทุนตราสารหนี้ที่เปิดขายทุกสัปดาห์
          นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในรอบ 1 เดือนเศษของปี 2555 ( 4 ม.ค.-10 ก.พ.)ภาพรวมการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมเป็นผลมา จากการเติบโตของกลุ่มกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก ส่วนปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมส่วนหนึ่งมาจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ และอีกด้านหนึ่งจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นกองทุนใหม่และกองทุน ที่ได้ประโยชน์จากราคาประเมินที่ปรับตัวสูงขึ้น
          สำหรับกองทุนรวมภายใต้การบริหารของบลจ. กสิกรไทยฯ ยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวม โดย ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 กองทุนรวมของบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 9,279 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 1.75% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2554 ในขณะที่ทั้งอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 1.24%
          กองทุนรวมของ บลจ. กสิกรไทยฯ ที่เติบโตขึ้นถึง 9,279 ล้านบาทนั้น มาจากเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้ามายังกองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ หรือ กองทุนเทอมฟันด์ที่บริษัทเปิดขายกองทุนใหม่ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งแต่ละกองทุนล้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่ยังคงให้ความไว้วาง ใจ บลจ. กสิกรไทยฯ อย่างต่อเนื่องและต้องการทางเลือกที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนน่าสนใจในช่วง ดอกเบี้ยขาลง
          นายอำพล กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นความท้าทายสำหรับทีมผู้จัดการกองทุนของ บลจ. กสิกรไทยฯ ในการแสวงหาตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาผสมผสานในพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ ผู้ลงทุน โดยบริษัทยังคงมุ่งตอบโจทย์ของผู้ลงทุนอย่างครอบคลุมทั้งการลงทุนระยะสั้น และระยะยาว
          สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่บริษัทเสนอขายล่าสุด ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอแอล (KFI6AL) ประมาณการอัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน แซท (KPPTF3MZ) คาดการณ์ผลตอบแทน 2.70% ต่อปี

คลังเล็งเพิ่มคุ้มครองเงินฝาก20ล. เศรษฐีเฮ!11ส.ค.55ไม่ต้องโยกเงินแยกบัญชีให้วุ่น
Source - เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (Th)

          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผล ประโยชน์ทางการเงิน (สคป.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยกับ"ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตามที่นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาเรื่องการปรับเพิ่มวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งปัจจุบัน รัฐยังคุ้มครองวงเงิน 50 ล้านบาทต่อบัญชี จนถึงวันที่ 11 ส.ค. 2555 นี้จะลดวงเงินคุ้มครองเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชี
          โดยขณะนี้ในส่วนของ สคป. กำลังพิจารณาว่าจะปรับวงเงินคุ้มครองอย่างไร เนื่องจากการลดคุ้มครองจาก 50 ล้านบาทเป็น 1 ล้านบาท เป็นการก้าวกระโดดเกินไป ดังนั้น อาจจะเป็นขยายเวลาออกไป แต่ยืนยันว่าคงไม่เปลี่ยนเป้าหมายที่คุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อบัญชี
          "กำลังพิจารณาว่าจะขยับหรือไม่ ตอนนี้วงเงินคุ้มครอง 50 ล้านบาท แล้วจะลงไป 1 ล้านบาทในเดือน ส.ค. แน่นอนว่าเป้าหมายสุดท้ายคงไม่เปลี่ยน แต่ก่อนจะไปถึง 1 ล้านบาท จะให้เวลาผู้ฝากเงินสบายใจ อาจจะให้เหลือ 20 ล้านบาทก่อนแล้วค่อย 1 ล้านบาทก็ได้ หรือ 20 ล้านบาท แล้วมา 10 ล้านบาท ต่อจากนั้นจึงจะลดเหลือ 1 ล้านบาท ดังนั้นจะไม่มีผลต่อกองทุนคุ้มครองเงินฝาก เพราะวันนี้สถาบันการเงินไทย เข้มแข็ง" นายลวรณกล่าว
          นายลวรณกล่าวว่า เป้าหมายสุดท้ายของการคุ้มครองเงินฝากที่วงเงิน 1 ล้านบาทต่อบัญชี ถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะครอบคลุมประชาชนผู้ฝากเงินรายย่อย 98.5% เนื่องจากผู้ฝากเงินส่วนใหญ่มีเงินในบัญชีไม่เกินวงเงิน 1 ล้านบาท ขณะที่หลายประเทศครอบคลุมเพียง 90% เท่านั้น
          "เราคุ้มครองได้ 98.5% ของบัญชีทั้งหมด เทียบกับคนที่ไม่ได้คุ้มครองมีแค่ 1.5% ฐานบัญชีเงินฝากไม่ได้เปลี่ยนไป ถือว่าเราครอบคลุมได้สูงมาก ซึ่งคุ้มครองรายย่อยไม่ใช่รายใหญ่ รมว.คลังคงกลัวคนตื่นตระหนก เพราะ 50 ล้านบาท แล้วกระโดดมา 1 ล้านบาทเลย ถ้าคนยังไม่เข้าใจ คนอาจจะย้ายเงินไปแบงก์เฉพาะกิจของรัฐหมด แต่ถ้าจะให้สบายใจ ก็ขยายเวลาออกไป"
          นายลวรณกล่าวยืนยันว่า การลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากเหลือ 0.01% จาก 0.4% นั้น ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะกองทุนยังทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่ในทางปฏิบัติ หากเกิดปัญหาลุกลามจนกระทบระบบสถาบันการเงินขึ้นมาจริง ๆ รัฐบาลไม่ว่าประเทศไหนก็พร้อมจะเข้าไปดูแล ซึ่งกรณีสหรัฐอเมริกา ถือเป็นตัวอย่างที่รัฐเข้าไปอุ้มสถาบันการเงิน 100%
          นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย กล่าวว่า หากมีการปรับเงื่อนไขการคุ้มครองเงินฝากจริง เชื่อว่าจะทำให้เงินไหลเข้ากองทุนรวมไม่สูงมาก อย่างที่เคยคาดหวังไว้ว่าหลังลดคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ โดยเฉพาะกองทุนคุ้มครองเงินต้นที่เคยประเมินไว้ว่าจะเป็นกองทุนที่ผู้ฝาก เงินให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมาก เพราะใกล้เคียงเงินฝากและยังให้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยฝาก

ฟินันซ่าขยายฐานลูกค้าชอบไอที เปิดSkypeซื้อขายกองทุนผ่านเคทีซีทัช
Source - ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (Th)

          บลจ.ฟินันซ่า เอาใจนักลงทุนชอบเทคโนโลยี เปิดบริการ Cyber branch ซื้อขายกองทุนผ่านโปรแกรม Skype พร้อมเพิ่มช่องทางการขายผ่านเคทีซีทัซ 14 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ส่วนนักลงทุนที่มีบัญชีกองทุนรวมของบลจ.ฟินันซ่าอยู่แล้วสามารถซื้อขายกองทุนผ่าน Skype ได้เลย มั่นใจบริการดังกล่าวช่วยขยายฐานลูกค้ารายย่อยได้มากขึ้น ล่าสุดส่งกองทุน"ฟินันซ่า หุ้นปันผล"และกองทุน"ฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 6 เดือน"นำร่องการขายผ่านช่องทางCyber branch
          นายธีรพันธ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า เราได้เพิ่มช่องทางการขายกองทุนและการติดต่อกับลูกค้าผ่านระบบ Skype หรือ สไกป์ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถติดต่อได้ทั้งภาพและเสียง โดยผ่านศูนย์บริการของเคทีซี ทัช 14 แห่งในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งรูปแบบในการทำธุรกรรมนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย โดยนักลงทุนสามารถเดินทางมายังสาขาของเคทีซี ทัช ก็สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของบลจ.ฟินันซ่า ผ่านระบบ Skype มาที่สำนักงานใหญ่ของฟินันซ่า ซึ่งทางบลจ.ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ที่มีความเชียวชาญในการให้ข้อมูล คำปรึกษา เรื่องการลงทุนไว้คอยบริการ
          โดยทางเคทีซีจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการให้คำแนะนำการใช้โปรแกรม Skype ในการติดต่อกับบลจ. ซึ่งนักลงทุนสามารถกรอกเอกสารการขอเปิดบัญชีผ่านทาง เคทีซี ทัชได้เลย โดยข้อดีของการติดต่อผ่านทาง Skype คือความโปร่งใส สะดวก และทันสมัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบลจ.ที่ติดต่อกับนักลงทุนจะมีใบอนุญาตติดต่อกับผู้ลงทุน เป็นผู้แนะนำการลงทุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนที่มีบัญชีนักลงทุนของบลจ.ฟินันซ่าแล้วก็สามารถใช้ บริการ Skype ติดต่อกับบลจ.ฟินันซ่าได้เลยเช่นกัน ซึ่งสามารถติดต่อผ่านทาง Fam Skype call center 01-04
          นายธีรพันธ์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาบลจ.ฟินันซ่า สามารถขยายฐานลูกค้าบัญชีรายย่อยกองทุนรวมจากตัวเลข 100 บัญชี เป็น 4,000 บัญชี โดยฐานลูกค้าส่วนใหญ่ประมาณ 50% มาจากลูกค้าที่ใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ต และส่วนที่เหลือจะมาจากการออกบูธต่างๆของบลจ. เนื่องจากช่องทางการขายของบลจ.ฟินันซ่า นั้นมีอยู่จำกัด ซึ่งเราคาดว่าการใช้ระบบ Cyber branch หรือการติดต่อนักลงทุนผ่าน Skype จะ เป็นตัวช่วยเพื่อช่องทางการขายให้กับบลจ.มากขึ้น ส่วนการใช้ช่องทางสาขาของเคทีซี ทัช นั้นก็จะช่วยให้เราลดต้นทุนการเปิดสาขาและจำนวนคนในการทำธุรกรรมอีกด้วย
          "ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะมีการขยายช่องทางการขายให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับนักลงทุน เรามองว่าช่องทางดังกล่าวจะสร้างฐานลูกค้ารายย่อยให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเรามองว่า Cyber branch ก็จะเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจส่วนนี้เติบโตด้วยเช่นกัน"
          อย่างไรก็ตามในช่วงนี้บลจ.ฟินันซ่า ได้เปิดใช้บริการ Cyber branch แล้ว โดยกองทุนที่บลจ.เสนอขายอยู่ตอนนี้คือกองทุนเปิดฟินันซ่า หุ้นปันผล (FAM DEF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราที่บลจ.เห็นสมควร โดยจุดเด่นของกองทุนคือเงินปันผลในระยะยาวสูงกว่าพอร์ตโฟลิโอหุ้นปันผลต่ำ หรือหุ้นไม่จ่ายปันผล ซึ่งหุ้นที่จ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอมักมีราคาปรับตัวลดลงน้อยกว่าในตลาดขาลง หรือเมื่อตลาดมีการปรับฐาน และตลาดหุ้นไทยจ่ายปันผลสูงกว่าตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งเรามุ่งเน้นการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่ให้ปันผลสูงจากหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลด ความเสี่ยงขาลง โดยการจัดพอร์ตโฟลิโอให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาดเพื่อเก็บเกี่ยวกำไร ในช่วงขาขึ้นนั้น เรามีขั้นตอนการบริหารที่ชัดเจนและเป็นระบบ และพัฒนาวิธีการ Optimization Modal มาร่วมใช้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยกองทุนดังกล่าวจะเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2555
          ขณะเดียวกันบลจ.ยังเปิดขายกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 6 เดือน 1 (FAM FIPR6M1) โดย กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนโรโอเวอร์กองแรกของบลจ.ฟินันซ่า ซึ่งกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนและหรือเงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีรอบระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน และให้ผลตอบแทนประมาณการณ์ที่ 3.40% ต่อปี ซึ่งจะเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2555

ทิสโก้ขายกองบอนด์6เดือน ชิงดอกเบี้ยเงินฝากขยับลง

Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th)

          บลจ.ทิสโก้ ขายตราสารหนี้ 6 เดือน ลุยบอนด์ทั้งในและต่างประเทศ ชิงตลาดช่วงดอกเบี้ยเงินฝากขยับลง
          นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ เปิดเสนอขาย"กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพิ่มค่า 6M4 (TISCO Fixed Income Plus Fund 6M4)"ซึ่งเป็น กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากในประเทศและ/หรือต่าง ประเทศ และ/หรือตราสารทางการเงินหรือตราสารแห่งหนี้อื่นๆ โดยในกรณีที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลก เปลี่ยนเต็มจำนวน โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นและเพิ่มโอกาสในการ รับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก
          ด้าน TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้  มองว่า  ขณะนี้ตลาดเงินฝากเริ่มมีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาหลังจากที่ทางการโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนคลาย โดยได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมา  และ เชื่อว่า ธปท.จะดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยขาลงไปอีกระยะ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบจาก เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่  โดยในส่วนของการลงทุน TISCO Wealth ยัง คงแนะนำการลงทุนในผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือตั๋วแลกเงินที่มีอายุตราสารยาวขึ้น เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวลดลงอีกทั้งสามารถลงทุนได้ใน กองทุนรวมตราสารหนี้ซึ่งมีอายุการลงทุนเฉลี่ย 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาลภาคเอกชนที่มีระดับความน่า เชื่อถือสูง หรือเงินฝากในสกุลเงินต่างประเทศซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีของผู้ลงทุน
          โดย "กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพิ่มค่า 6M4 (TISCO Fixed Income Plus Fund 6M4)" มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทอายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันนี้-28 กุมภาพันธ์  2555 ที่ บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ ทุกสาขา  มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ  20,000 บาท
          ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 8/12 ซึ่งมีอายุประมาณ 6 เดือนให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.10% ต่อปีโดยเริ่มไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนีถึง 28 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ กองทุน B-FIXTERM8/12 จะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประมาณ31% เงินฝาก และตราสารสถาบันการเงินในประเทศอีก 20% เงินฝาก และตราสารหนี้ที่เป็นการลงทุนในต่างประเทศ 24% ตราสารหนี้ภาคเอกชน 24% และเงินฝากอีก 1%