วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 26/04/2012

·       - แห่ขาย LTF 1.9หมื่นล. นักลงทุนกำไรเท่าตัว-ลดเสี่ยงหุ้น RMF ขายแค่พันล้าน
·        -ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแข่งเดือด บลจ.ใหญ่ค่าฟรีถูก-บลจ.เล็กปรับกลยุทธ์สู้
·       - KTAM ปลื้ม 3 เดือนแรก AUMโต 13%
 - เตรียมเปิดฉาก "มันนีเอ็กซ์โป" 17-20 พ.ค.นี้

แห่ขายLTF1.9หมื่นล.นักลงทุนกำไรเท่าตัว-ลดเสี่ยงหุ้น'RMF'ขายแค่พันล้านไตรมาส1

Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)

          ไตรมาสแรกปีนี้นักลงทุนแห่ขายกองทุน LTF สูง 1.9 หมื่นล้านบาท RMF แค่พันล้าน เหตุนักลงทุนกำไรเท่าตัว-ลดความเสี่ยงจากหุ้นขึ้นมากช่วง 3 ปี
          บริษัท มอร์นิ่ง สตาร์ เปิดเผยว่าไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มี.ค. 2555 มีเงินไหลออกจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวม 2.01 หมื่นล้านบาทโดยกว่า95% หรือ 1.91 หมื่นล้านบาทมาจากกองทุน LTF ที่เหลือ 5% หรือ 1,000 ล้านบาท เป็นของกองทุน RMF
          ทั้งนี้ การขาย LTF ในปีนี้ถือเป็นตัวเลขสูงสุดตั้งแต่จัดตั้งกองทุนและสูงขึ้นมากเมื่อเทียบไตรมาสแรกของปี2554 ที่มีเงินไหลออกจาก LTF เพียง 3,004 ล้านบาทและจากกองทุน RMF จำนวน 461.39 ล้านบาทเท่านั้น
          สาเหตุที่เงินไหลออกจากกองทุน LTF ค่อนข้างมาก เกิดจาก 3 ปัจจัย คือ 1.ผู้ถือหน่วยลงทุนขาย หลังจากถือลงทุนครบ 5 ปีปฏิทินตามเงื่อนไขโดยลงทุนมาตั้งแต่ปี2551 หรือก่อนหน้า 2.นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเท่าตัวจากการลงทุนในกองทุน LTF โดยเฉพาะที่ลงทุนในปี 2551 ช่วงสิ้นปี ซึ่งจากสถิติคือช่วงเวลาที่มีเงินลงทุนในกองทุนLTF มากที่สุด ดังนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่จึงตัดสินใจขายหน่วยลงทุนออกมาและ 3.นักลงทุนบางส่วนอาจต้องการใช้เงินหรือต้องการลดความเสี่ยงลงทุนในหุ้น เนื่องจากตลาดหุ้นขึ้นมากตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
          ทั้งนี้ เงินที่ไหลออกจาก LTF ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา อาจมากกว่า 40%ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน LTF ในปี 2551 ซึ่งมีมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท
          สำหรับกองทุน RMF มีเงินลงทุนไหลออกน้อยกว่า LTF ถือเป็นเรื่องปกติเนื่องจากมีข้อจำกัดในการขายคืนมากกว่า เช่นผู้ลงทุนจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี
          อย่างไรก็ตาม คาดว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่จะไหลกลับเข้าลงทุน LTF และ RMF อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะไตรมาส 4 เหมือนทุกปี ซึ่งจากสถิติพบว่าตลาดหุ้นจะขึ้นช่วงท้ายปี ดังนั้น หากรอซื้อปลายปีมีโอกาสสูงที่จะซื้อในต้นทุนสูง จึงแนะนำการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยเป็นทางเลือก
          สมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน LTF ในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีจำนวน 1.50 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,161 ล้านบาท หรือ1.45% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1.48 แสนล้านบาท
          บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในกองทุน LTF สูงสุด 30.83% มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 4.63 หมื่นล้านบาทรองลงมา บลจ.ไทยพาณิชย์ 3.77 หมื่นล้านบาท ส่วนแบ่ง 25.11% และ บลจ.บัวหลวง 2.27 หมื่นล้านบาทส่วนแบ่ง15.11%
          กองทุน RMF มีสินทรัพย์รวม 9.82 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 5,497 ล้านบาท หรือ5.92% จากสิ้นปีก่อน โดย บลจ.กสิกรไทยครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน


ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแข่งเดือด บลจ.ใหญ่ค่าฟรีถูก-บลจ.เล็กปรับกลยุทธ์สู้

Source - ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (Th)

          แหล่งข่าวจากผู้บริหารบลจ.เผยธุรกิจกองทุนสำรอง เลี้ยงชีพแข่งดุเดือด หลังกดค่าธรรมเนียมให้ถูกลงรวมถึงไม่เรียกเก็บค่าบริหารหากผลตอบแทนไม่ได้ ตามเป้าที่ตั้งไว้ ชี้บลจ.ใหญ่ได้กำไรจากธุรกิจนี้น้อยมากแต่ใช้กลยุทธ์บุกถึงสมาชิกขายกองทุน รวมเสริมสร้างกำไรให้บริษัทแทน
          แหล่งข่าวจากผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แห่งหนึ่งระบุว่า การแข่งขันธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีที่ผ่านมาค่อนข้างดุเดือด โดยเฉพาะบลจ.ใหญ่ๆ ซึ่งจะใช้กลยุทธ์การลดค่าธรรมเนียมการบริหาร หรือบางแห่งจะใช้กลยุทธ์ไม่เก็บค่าธรรมเนียมหากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามเป้า หมายที่ว่างไว้ ส่งผลให้บลจ.ขนาดกลางและขนาดเล็กเข้ามาสู้ศึกเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดใน ธุรกิจนี้ได้น้อยมาก โดยการแข่งขันส่วนใหญ่ในธุรกิจนี้จะเป็นบลจ.5 อันดับแรกที่มีส่วนแบ่งการตลาดและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากที่สุดนั้นเอง
          ในขณะที่บลจ.ใหญ่เองก็ได้กำไรในส่วนการบริหาร จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพน้อยมาก แต่ส่วนใหญ่จะได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจึงมีการเข้าถึงสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยง ชีพเพื่อเพิ่มช่องทางการขายกองทุนรวม เช่นการเสนอขายกองทุน LTF-RMF ให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแทน
          "นอกจากจะมีการแสวงหาลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ เช่น บริษัทขนาดกลาง หรือขนาดเล็กที่มีลูกจ้างน้อยมาเข้ากองทุนพูลฟันด์ (Pooled Fund ) แล้วก็จะมีการแข่งขันแย่งชิงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขนาดใหญ่โดยใช้กลยุทธ์ลดค่าธรรมเนียม หรือฟรีค่าธรรมเนียมดึง AUM เข้ามาเพิ่มด้วยเช่นกัน"
          บลจ.เล็ก-กลางปรับกลยุทธ์สู้ศึกค่าฟรี
          ขณะที่นางสาวชนันท์ดา ปันยารชุน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน-กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ.ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า บลจ.ทหารไทยนั้นจะเน้นการให้ความรู้นโยบายการลงทุนโดยเฉพาะการใช้ Employee's Choice เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกเลือกลงทุนตามเป้าหมายรวมถึงการรับ ยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง ทั้งนี้เรามองว่าทาร์เก็ตของลูกค้าเรานั้นจะเป็นบริษัทขนาดกลางและพอมีความ รู้ความเข้าในการลงทุน เช่นบริษัทหลักทรัพย์ หรือบล. และบลจ. เป็นหลัก ส่วนการแข่งขันที่ดุเดือดในอุตสหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเราคงไม่ได้ไป แข่งขันโดยเฉพาะเรื่องค่าธรรมเนียม แต่เราจะโฟกัสไปที่คุณภาพและคุณค่าที่สมาชิกจะได้รับในการใช้บริการจากเรา
          ส่วนนางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวถึงการแข่งขันธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพว่า ทิศทางธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คงไม่ได้เข้าไปแข่งขันในเรื่องของค่าธรรมเนียม ค่าจัดการ ซึ่งเราคงมองที่ความเหมาะสมของลูกค้าของเรา อาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะเติบโตช้าเมื่อเทียบกับบลจ.อื่น ซึ่งเราจะเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน รวมถึงเป็นที่ปรึกษา และใกล้ชิดกับลูกค้าเป็นหลัก
          ส่วนทางด้านนายธีรพันธ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า เราจะมีการขยายช่องทางการขายให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับนักลงทุน เรามองว่าช่องทางดังกล่าวจะสร้างฐานลูกค้ารายย่อยให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเรามองว่า Cyber branch ก็จะเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจส่วนนี้เติบโตด้วยเช่นกัน


KTAMปลื้ม3เดือนแรกAUMโต13%
Source - ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (Th)

          บลจ.กรุงไทย ยิ้ม 3 เดือนแรก มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเติบโต 13% หรือราว 70,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าทั้งปีเติบโต 20% เร่งออกกองทุนอีทีเอฟ กองทุนอินฟราฯ และกองทุนรวมอสังหาฯ รับการเติบโต
          นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมามีการเติบโตค่อนข้างดี ในขณะที่ AUM อุตสหกรรมกองทุนรวมโตประมาณ 7% แต่ในส่วนของบลจ.กรุงไทยเองเติบโตประมาณ 13% หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554 เรามียอดขายกองทุนประมาณ 111 กองมูลค่า 176,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ยอดขายกองทุนในเฉพาะกองทุน FIF เติบโตประมาณ 84%
          ทั้งนี้ในปีนี้เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยโนบายจะคง ที่ หรือลดลงในช่วงปลายปีอุตสหกรรมกองทุนรวมก็น่าจะได้รับอานิสงค์ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ก็ยังไม่มีระดมเงินฝากกันรุนแรงเหมือนในช่วงดอกเบี้ย ขึ้น ขณะเดียวกันกองทุนเองก็ได้รับอนิสงค์จากการไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะธนาคารประเทศจีน ที่ออกพันธบัตร หรือที่เรียกว่า ติ๋มซำบอนด์ หรือประเทศบราซิล เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อกลับมาเป็นค่าเงินบาท หรือทำ Fully Hedgeg เช่นตอนนี้ที่เราออกกองทุนตราสารหนี้ 1 ปีก็ให้ผลตอบแทนประมาณ 4%
          ในขณะที่ตราสารหนี้ไทยเองให้ผลตอบแทนประมาณ 3% ส่วนเงินฝากก็อยู่ประมาณ 3% หรือหุ้นกู้ 4% เมือหักภาษีแล้วผลตอบแทนก็ยังสู้กองทุนรวมไม่ได้
          "ในปีนี้เราตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20% โดยช่วง 3 เดือนแรกเราออกกองทุนประมาณ 53 กองทุน มูลค่าประมาณ 70,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่เหลือต่อจากนี้เราก็จะมีโปรดักส์ที่หลากหลายให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนไมว่าจะเป็นกองทุน ETF ฮั่งเส็ง รวมถึงกองทุน ETF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากนี้ก็จะมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่กำลังพิจรณากันอยู่อีกด้วย" นายสมชัยกล่าว
          สำหรับการขยายธุรกิจกองทุนรวมไปยังสาขาธนาคาร กรุงไทยในส่วนของภูมิภาคนั้นถือว่าได้รับการตอบรับที่จากนักลงทุน ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราได้นักลงทุนจากภูมิภาค 30% นครหลวง 70% ซึ่งในปีนี้เราตั้งเป้าไว้ว่าจะดึงนักลงทุนจากภูมิภาคเพิ่มขึ้นเป็น 40% และนครหลวงประมาณ 60% โดยที่ผ่านมา นักลงทุนในส่วนของภูมิภาคทางสาขาแบงก์สามารถดึงลูกค้าส่วนนี้เข้ามาลงทุนใน กองทุนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท และกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ เป็นต้น
          นายสมชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น เรามีเป้าหมายในการคงลูกค้าเดิม รวมถึงเจาะกลุ่มบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ ส่วนกองทุนส่วนบุคคลนั้นเราก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน รัฐวิสาหกิจ รวมถึงสถาบันการศึกษา สหกรณ์ออมทรัพย์อีกด้วย


เปิดฉากมันนีเอ็กซ์โป17-20พ.ค.นี้
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th)

          เตรียมเปิดฉากมันนี เอ็กซ์โป 2012 วันที่ 17-20 พ.ค.นี้แบงก์เตรียมแห่ขนแคมเปญร่วม
          นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 12 Money Expo 2012  ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2555  ธนาคาร บริษัทการเงิน (นอนแบงก์)บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทผู้ค้าทองคำ/โกลด์ฟิวเจอร์ส รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม 232 แห่ง พร้อมเข้าร่วม ภายใต้แนวคิด"UNLIMITED FUTURE : อนาคตไร้ขีดจำกัด" โดยในปีนี้ ธนาคารและสถาบันการเงิน พร้อมที่จะส่งแคมเปญเด่นมาให้ ผู้เช้าชมงานได้เลือกใช้บริการอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น กู้ทันใจ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% ทั้งกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ กู้ซื้อมอเตอร์ไซค์ กู้ส่วนบุคคล กู้ทำธุรกิจเอสเอ็มอี กู้เรียนต่อ ทำบัตรเครดิต ลงทุนต่อยอดความมั่งคั่ง ทั้งการลงทุนในหุ้น กองทุน ทองคำตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ ประกันชีวิต ประกันภัย ประกันสุขภาพ เงินฝากสลากออมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งปีนี้นับเป็นการจัดงานครั้งที่ 2 ที่ ย้ายมาจัดที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งความสำเร็จในการย้ายสถานที่เห็นได้จากยอดผู้เข้าชมงานมีจำนวนสูงที่ สุดกว่าทุกปีที่ผ่านมาถึง 800,000 คน และมียอดธุรกรรมทางการเงินทั้งสินเชื่อและเงินลงทุนรวมมูลค่ากว่า120,000 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น