วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวกองทุนรวมประจำวันที่ 26-07-2012


·        เอ็มเอฟซีเขย่าตลาดทาร์เก็ตฟันด์ ออกกองทาร์เก็ตฟันด์อสังหาฯ
·        กองทุนครึ่งปีแรกโต 12% ยิลด์น้ำมัน-ทองฝืด
·        บลจ.ฝืนใจให้ของแถม สมาคมฯ ชี้ไม่มีใครอยากแจก วอนวัดผลงาน-รอเกณฑ์กลต.
·        บัวหลวงขายตราสารหนี้ 6 เดือน ยิลด์ 3.05%

'เอ็มเอฟซี'เขย่าตลาดทาร์เก็ตฟันด์

Source - เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ (Th)

          บลจ.เอ็มเอฟซีฯ ออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์แนวใหม่ ลงทุนหน่วยลงทุนหรือตราสารของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ในเอเชีย และออสเตรเลีย ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 7 % ภายใน 7 เดือน มองโอกาสน่าสนใจจากผลตอบแทนที่ดีของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย
          นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท 7 เอ็มที (I-REITs 7MT) โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 7 % ภายในเวลา 7 เดือน หรือกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ซึ่งถือเป็นกองทุนรูปแบบใหม่ที่มีนโยบายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
          ทั้งนี้ฝ่ายตราสารทุนต่างประเทศของเอ็มเอฟซีมอง ว่า กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่ากลุ่มธุรกิจอื่น เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นอสังหาริมทรัพย์จะ ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างสูงและคงที่ โดยเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์มีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ
          นอกจากนี้สินทรัพย์อ้างอิงของตราสารหรือหน่วยลง ทุนเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการลงทุนระยะยาว ทำให้ราคาของสินทรัพย์ไม่ผันแปรไปตามสินทรัพย์ทางการเงินอื่นมากนัก และยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยจากการที่รายได้ หลักของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าที่มีการปรับขึ้นตามอัตรา เงินเฟ้ออยู่แล้ว ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับมีการลดความเสี่ยงจากด้านอัตราเงินเฟ้อ และสามารถคงผลตอบแทนที่แท้จริงให้เป็นบวกอยู่เสมอ
          สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท 7 เอ็มที โดยมีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และหรือตราสารของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศต่างๆในเอเชีย รวมถึงออสเตรเลีย โดยลงทุนไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนอีทีเอฟ เช่น Exchange Traded Fund (ETF) ภายใต้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ Real Estate Investment Trusts (REITs) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
          นอกจากนี้กองทุนยังสามารถลงทุนในกองทุนรวมตลาด เงินต่างประเทศ ตราสารหนี้และหรือเงินฝากในต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะสั้นในช่วงรอจังหวะการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ได้ และเงินลงทุนบางส่วนของกองทุนจะนำไปลงทุนตราสารหนี้หรือเงินฝากในประเทศ เพื่อสำรองเงินสำหรับการลงทุน และรักษาสภาพคล่องของกองทุน ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน


กองทุนโต12%ยิลด์น้ำมัน-ทองฝืด

Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th)

          สมาคมบลจ.เผยกองทุนตราสารหนี้ยังเป็นพระเอกใหญ่ ดันอุตสาหกรรมกองทุนรวมเติบโตกว่า 6.78 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีแรกอุตสาหกรรมฯมีมูลค่าAUM รวมอยู่ที่ 2.34 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 12.30%  ทางด้านมอร์นิ่งสตาร์ประเมินครึ่งปีแรกผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนทุกประเภทให้ผลตอบแทนดียกเว้นกลุ่มทองคำและน้ำมัน
          นายสถาปนะ  เลี้ยวประไพ เลขาธิการสมาคมและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน หรือ สมาคม บลจ.กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมในช่วงครึ่งปี 2555 นั้นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการบริหาร (AUM) มีมูลค่ารวมกว่า 2.34 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 2.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12.30% โดยมีกองทุนรวมที่ออกใหม่ 413 กองทุน มูลค่า 7.43 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ 340 กองทุน คิดเป็น 6.78 แสนล้านบาท หรือ 92.4%แบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศ 194 กองทุน มูลค่า 4.32 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุลงทุนอยู่ที่ 6 เดือน ส่วนที่เหลืออีก 146 กองทุนนั้นเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศประมาณ  2.46 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่กำหนดอายุลงทุนอยู่ที่ 1 ปี
          ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายไอพีโอในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 3 กองทุนนั้นมีมูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท นั้นมีมูลค่าสูงที่สุดประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นกองทุนรวมอสังหาฯที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและมีนักลงทุนจองซื้อมากกว่า 10,000 ราย
          ในส่วนของกองทุนหุ้นนั้นมีกองทุนเปิดใหม่ประมาณ 30 กองทุน มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่น ล้านบาท โดยกองทุนที่เสนอขายและได้รับความนิยมส่วนใหญ่จากนักลงทุนคือกองทุน ทริกเกอร์ฟันด์ และ ทาร์เกตฟันด์ ที่มีเป้าหมายผลตอบแทนของกองทุนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามจากจำนวน กองทุนทาร์เกตฟันด์หรือ ทริกเกอร์ฟันด์ที่ปิดกองกันไปประมาณ 21 กองทุนนั้นมีจำนวน 10 กองทุนที่ผลตอบแทนถึงระดับที่กำหนดและมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 11% และอีก 16 กองทุนให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8.5% และอีก 5 กองทุนมีผลตอบแทนเฉลี่ย -9% อีกด้วย
          สำหรับกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกองทุนทองคำ และกองทุนน้ำมัน ในช่วงต้นปีราคาซื้อขายทองคำและน้ำมันในตลาดโลกจะผันผวนแต่ยังคงได้รับความ สนใจจากนักลงทุนไม่น้อย โดยครึ่งปีแรกมีกองทุนทองคำใหม่เสนอขายรวม 6 กองทุนมูลค่า 2.24 พันล้านบาทและกองทุนน้ำมัน 1 กองมูลค่า 31 ล้านบาท
          นายสถาปนะ กล่าวต่อว่า ในส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจโลกนั้นเรายังมองว่าวิกฤตหนี้ยุโรปยังเป็นปัจจัย ใหญ่ที่ต้องติดตามหลังจากนี้โดยเฉพาะ สเปน อิตาลี และกรีซ ว่าจะมีมาตรการใดบ้างออกมาช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ขณะที่สหรัฐฯเองหลายฝ่าย ก็มองว่าน่าจะมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ โดยในเดือนพฤศจิกายนจะมีการเลือกประธานาธิดีใหม่ก็ต้องจับตาดูว่านโยบาย เกี่ยวกับเศรษฐกิจะเป็นอย่างไร กลับมาที่ฝั่งเอเชีย หลายฝ่ายให้ความคาดหวังที่ดีกับประเทศจีน แต่จีนก็ปรับลด GDP ในปีนี้ลงเหลือ 7% เนื่อง จากสภาพภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ในส่วนของประเทศไทยนั้นยังถือว่าดีอยู่แม้ว่าปลายปีที่ผ่านมามีปัญหาเรื่อง น้ำท่วม อุตสาหกรรมหลายแห่งต้องหยุดผลิตสินค้าลง แต่เมื่อทุกอย่างกลับมาการบริโภคภายในประเทศก็กลับมาเช่นกัน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้แม้สภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
          ทางด้านนายพีร์ ยงวณิชย์ CFA กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนในแต่ละประเภทที่เป็นบวกกันทุกกลุ่ม ยกเว้นแต่กลุ่มทองคำและน้ำมันที่ติดลบ ซึ่งกองทุนที่โดดเด่นคือ กองทุนหุ้นในประเทศทั้งกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็กโดยมี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 16.15% และ 18.17%ตามลำดับ โดยกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดทำได้กว่า 27%
          ทางด้านกองทุนหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศผลตอบแทนไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดย กลุ่ม Asia Pacific ex-Japan Equity เฉลี่ยบวก 4.32%กลุ่ม Global Equity เฉลี่ยบวก 3.19% ตามด้วย กลุ่ม Emerging Market Equity ที่เฉลี่ยบวกเล็กน้อยที่ 1.02%



บลจ.ฝืนใจให้ของแถม สมาคมชี้ไม่มีใครอยากแจก วอนวัดผลงาน-รอเกณฑ์กลต.
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)

          บลจ.เอือมโปรโมชันจูงใจนักลงทุน สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ชี้ส่วนใหญ่ไม่อยากแจก รอก.ล.ต.สรุปเกณฑ์ใหม่
          นายสถาปนะ เลี้ยวประไพ เลขาธิการสมาคมและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นสมาชิกของสมาคมส่วนใหญ่ ไม่ต้องการให้มีการจัดโปรโมชันแจกแถมให้นักลงทุน ส่วนหนึ่งเพราะเป็นต้นทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.)
          "แต่โปรโมชันของกองทุนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะการแข่งขันกับสินค้าการเงินอื่นๆของธนาคารซึ่งเกณฑ์ปัจจุบันให้แจก ของที่มีมูลค่าไม่เกิน 2% ของมูลค่าซื้อขาย และยังไม่มีข้อสรุปว่าจะต้องปรับลดลงหรือไม่ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)" นายสถาปนะ กล่าว
          นอกจากนี้ นายสถาปนะ กล่าวอีกว่า สมาคมยังเสนอให้มีข้อสรุปด้วยว่า ควรเปิดให้นักลงทุนใช้บัตรเครดิตซื้อกองทุนหรือไม่ ซึ่งสมาคมไม่เห็นด้วยกับการผ่อนชำระค่าซื้อหน่วยลงทุน เนื่องจากกองทุนเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงและลงทุนระยะยาว ไม่ใช่การเก็งกำไร
          "ในต่างประเทศไม่มีการโฆษณาขายกองทุนโดยให้ของ แจกของแถมและไม่ให้ใช้บัตรเครดิตซื้อกองทุน ซึ่งเราต้องการให้อุตสาหกรรมกองทุนไทยเดินไปในทิศทางนั้น และส่งเสริมให้นักลงทุนพิจารณาจากผลการดำเนินงานมากกว่า" นายสถาปนะ กล่าว


บัวหลวงขายตราสารหนี้6เดือนยิลด์3.05%

Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Th)

          บลจ.บัวหลวงขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน คาดผลตอบแทน 3.05%
          บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด ขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 29/12 ระหว่างวันที่ IPO 25 - 31 กรกฎาคม 2555
          กองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 29/12 (B-Fixterm 29/12) อายุประมาณ 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 3.05% ต่อปี ขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
          ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
          สำหรับตราสารหนี้ และ / หรือประเทศที่จะลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ของตลาดตราสารหนี้ขณะนั้นๆ