· กสิกรไทยลุยขายบอนด์บราซิล ลงทุนไม่เกิน1ปี ให้ผลตอบแทนสูง
· กรุงไทยจัดเพิ่ม3กองบอนด์ ผลตอบแทนสูงสุด 4%
· ธนชาตเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 2กองทุน 2ทางเลือก
· ซีไอเอ็มบีฯขายกองตราสารหนี้ 6เดือน ชูยิลด์ 3.40%
· เอ็มเอฟซีรุกทาร์เก็ตฟันด์ต่อเนื่อง ส่งสปอทลุยหุ้นไทย 7เดือน ชู 7%
กสิกรไทยลุยขายบอนด์บราซิล ลงทุนไม่เกิน1ปีให้ผลตอบแทนสูง
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th)
บลจ.กสิกรไทย มองตราสารหนี้ประเทศบราซิลยังให้ผลตอบแทนสูง ส่ง 2 กองทุนซีรีส์ใหม่อายุ 6 เดือน และ1 ปี ให้ผลตอบแทนที่ 3.35%ต่อปี และ 3.90%ต่อปี ตามลำดับ พร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 19 มีนาคม นี้
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่าจากกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ไม่มากนัก แต่ต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าเงินฝากบ ลจ.กสิกรไทย จึงยังคงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ
โดยขณะนี้บลจ.อยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ1 ปี วาย (KFF1YY) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.90% ต่อปีและกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ6 เดือน จี (KFF6MG) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุน 3.35% ต่อปี โดยทั้ง2 กองทุนจะลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารหนี้คุณภาพดีของประเทศบราซิล พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งส่วนของเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งเน้นการคัดเลือกตราสารที่มีคุณภาพและมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี ควบคู่ไปกับโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งเรามองว่าตราสารหนี้ของประเทศบราซิลยังเป็นทางเลือกที่จะสร้างโอกาสใน การลงทุนที่ดีได้ โดยกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปีวาย (KFF1YY) จะลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในประเทศบราซิล ได้แก่Banco Bradesco, Itau Unibanco S.A.และ Banco do Brazil ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก FITCH ที่ BBB+BBB+ และ BBB ตามลำดับ ร่วมด้วยตราสารหนี้ Union National Bank สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับความน่าเชื่อถือ A+และเงินฝากของ Bank of China สาขามาเก๊า อันดับความน่าเชื่อถือ A
ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน จี (KFF6MG) จะลงทุนในตราสารหนี้ประเทศบราซิลเช่นเดียวกันกับกองทุน KFF1YY และจะลงทุนในเงินฝากUnion National Bank สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเงินฝากธนาคาร Standard Chatered สาขาดูไบ ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ A+ และ AA- ตามลำดับ นางสาวยุพาวดีกล่าว
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อว่า นอกเหนือจากกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ทั้ง 2 กองทุนข้างต้น ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทย ยังเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เอซี (KPPTF 3MAC) โอกาสรับผลตอบแทนที่ 2.70%ต่อ ปี โดยกองทุนดังกล่าวมุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยหรือพันธบัตรธนาคารแห่ง ประ-เทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นและเน้นความปลอดภัย ของเงินต้นอีกด้วย โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนในกองทุนเปิดเคตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี วาย (KFF1YY)กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน จี (KFF6MG) และกองทุนเปิดเคคุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือนเอซี (KPPTF3MAC)ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 19 มีนาคม 2555
KTAMจัดเพิ่ม3กองบอนด์
Source - ข่าวหุ้น (Th)
KTAMจัดเพิ่ม3กองบอนด์ ผลตอบแทนสูงสุด4% มองดอกปีนี้คงที่3%
บลจ.กรุงไทย มองอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้จะคงที่ระดับ 3% พร้อมออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 กองทุนในสัปดาห์นี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุด 4%
นายสมชัยบุญนำศิริกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทยจำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่าสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่าย 3 กองทุนตราสารหนี้ ประกอบด้วยกองทุนอายุ 3 เดือน 6 เดือนและ 1ปี ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 4.00% ต่อปี
กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 30 เสนอขายวันที่ 14 - 20 มีนาคม 2555 อายุ 6 เดือนมูลค่าโครงการ 5,000ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนตราสารในประเทศ เงินฝาก ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทยในสัดส่วน 23% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.35%ต่อปี
กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 3 เสนอขายรอบใหม่ วันที่ 12-16 มีนาคม 2555 อายุโครงการ3 เดือน เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน เงินฝาก และตราสารหนี้สถาบันการเงินในประเทศประกอบด้วยพันธบัตรภาครัฐในประเทศ ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารไอซีบีซี ธนาคารกรุงศรีอยุธยาธนาคารกรุงไทย และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี
กองทุนเปิดกรุงไทยเอฟไอเอฟ เพิ่มค่า 2 (KTFP2) เสนอขาย 9-16 มีนาคม 2555 อายุ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เงินฝาก ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4.00% ต่อปี ทั้งนี้ กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ตลาดตราสารหนี้ของไทยยังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ประกอบกับการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงตัวอยู่ที่ระดับ 3.00% ต่อปี ไปจนถึงครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้การลงทุนในตราสารอายุที่ยาวขึ้นเริ่มน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากส่วนต่าง อัตราผลตอบแทนเทียบกับตราสารระยะสั้น
ด้านแนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่าง ประเทศในช่วงที่ผ่านมา ยังมีการปรับลดลงจากกระแสเงินทุนไหลเข้าลงทุนในตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชีย และตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ทั่วโลกทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ลดลง รวมถึงการกลับมาแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดอลลาร์พรีเมี่ยมมีโอกาสปรับลดลง อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวม อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างประเทศยังให้ผลตอบแทนใน รูปสกุลเงินบาทภายหลังการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างดีเมื่อ เทียบกับการลงทุนในประเทศ
บลจ.ธนชาตเสนอขายกองทุนตราสารหนี้2กองทุน2ทางเลือก
Source - พิมพ์ไทย (Th)
นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จะทำการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 11 (TFixedIncome11) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ3.35% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ธนาคาร Union National Bank / ธนาคาร First Gulf Bank ประมาณ20% ลงทุนในเงินฝากสกุลเงินหยวน ธนาคาร Bank of China ประมาณ 20%ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกโดย GS Caltex ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย Axis Bank (India) / Indian Bank (India)ประมาณ 18.90% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส/ บมจ.เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ / บมจ.ภัทรลีสซิ่ง ประมาณ 21.00% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ประมาณ 0.10% อายุประมาณ6 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.6528% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.3028% ต่อปี
และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ Y6 (T-FixFIFY6) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 12 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 4.00% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน Arab Emirates Dirham ธนาคาร Union National Bank / ธนาคาร First Gulf Bank ประมาณ 22% ลงทุนในเงินฝากสกุลเงินหยวน ของ Bank of China ประมาณ 22% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ออกโดย Bank of East Asia ประมาณ 7.90% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย Axis Bank (India) / State Bank of India ประมาณ24% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย ICICI Bank (India)/Indian Bank (India)ประมาณ 24% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศประมาณ0.10% อายุประมาณ 12 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 4.1505%ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.1505% ต่อปี โดยทั้งสองกองทุนเสนอขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ วันที่ 13-19 มีนาคม 2555
บลจ.ซีไอเอ็มบีฯขายกองตราสารหนี้6M8ชูยิลด์3.40%
Source - กระแสหุ้นออนไลน์ (Th)
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด บริษัทในกลุ่มซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทเปิดเสนอขาย“กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์ ตราสารหนี้ 6M8" (CIMB-Principal EFI 6M8) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยกำหนด IPO ระหว่าง วันที่ 13-15 มี.ค.55
กองทุน CIMB-Principal EFI 6M8 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ภาคธนาคาร และภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยกองทุนจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยผลตอบแทนของกองทุน CIMB-Principal EFI 6M8 ประมาณการที่ 3.40% ต่อปี(เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก่อนเสียภาษีที่ 4.00 % ต่อปี)
กองทุน CIMB-Principal EFI 6M8 เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำ ด้วยการลงทุนระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยเฉพาะบุคคลธรรมดาที่ต้องการการลงทุนที่ผลตอบแทนไม่เสียภาษี ซึ่งกองทุนดังกล่าวยังป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
เอ็มเอฟซีรุกทาร์เก็ตฟันด์ต่อเนื่อง ส่งสปอทลุยหุ้นไทย7เดือนชู7%
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 7 ซีรีส์ 6 ทาร์เก็ตฟันด์ลงทุนในประเทศ ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 7% ภายใน 7 เดือน รับโอกาสเหมาะสมจากผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยขยายตัวโดดเด่นในภูมิภาค และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตในระดับที่น่าพอใจ
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดีในปีนี้ จึงเป็นจังหวะการลงทุนในไทยที่เหมาะสม เอ็มเอฟซีจึงเปิดขายกองทุนเปิด SPOT 7S6 ที่ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 7% ภายในเวลา 7 เดือน
โดยมีกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลัก และสามารถเลือกลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน SET50 Index Futures ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีความ ผันผวน โดยผู้จัดการกองทุนจะจัดสัดส่วนการลงทุนทั้งในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ และเงินฝากให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดทุนและตลาดเงินแต่ละขณะ เพื่อโอกาสของผลตอบแทนที่ดีและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 7 เดือน หากมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด SPOT 7S6 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทเป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทและทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด
โดยผลตอบแทนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.7 บาทต่อหน่วยลงทุน บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุน และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติภายใน 5 วันทำการไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคง ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศ เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องของผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
หากไม่เป็นไปตามคาดหมายภายในเวลาดังกล่าว กองทุนเปิด SPOT 7S6 จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีสิทธิเลือกที่จะ ลงทุนต่อไป ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม หรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการภายในเวลารับคำสั่งซื้อขายตามที่ระบุไว้ ในโครงการ และกองทุนยังคงตั้งเป้าหมายเลิกกองทุนหากผลตอบแทนถึง 7%
กองทุนเปิด SPOT 7S6 เป็น กองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนในตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง นักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท สามารถเลือกลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50Futures
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น